เมนู

อภิยะ. ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธะผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็น
ปัจจัยให้บรรดาเทวดาที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมี
รัศมีเล็กน้อย แต่บางพวกมีรัศมีหาประมาณมิได้.

ว่าด้วยการพยากรณ์เทวดา


[429] อ. ดูก่อนท่านกัจจานะ ถ้าอย่างนั้น เราจะย้อนถามท่านใน
เรื่องนี้ ท่านพอใจอย่างไร พึงพยากรณ์อย่างนั้น ดูก่อนท่านกัจจานะ ท่าน
จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่โคนไม้แห่งหนึ่งว่า เป็น
แดนมหัคคตะอยู่. กับภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่โคนไม้สองแห่งหรือสามแห่งว่า
เป็นแดนมหัคคตะอยู่ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้ จิตตภาวนา
อย่างไหนเป็นมหัคคตะยิ่งกว่ากัน.
อภิยะ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้
จิตตภาวนาของภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่โคนไม้สองแห่งหรือสามแห่งว่า เป็น
แดนมหัคคตะอยู่ นี้เป็นมหัคคตะยิ่ง.
[430] อ. ดูก่อนท่านกัจจานะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่โคนไม้สองแห่งหรือสามแห่งว่า เป็นแดนมหัคคตะอยู่
กับภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่เขตบ้านแห่งหนึ่งว่า เป็นแดนมหัคคตะอยู่ บรรดา
จิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้ จิตตภาวนาอย่างไหน เป็นมหัคคตะยิ่งกว่า
กัน.
อภิยะ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้
จิตตภาวหาของภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่เขตบ้านแห่งหนึ่งว่า เป็นแดนมหัคคตะ
อยู่ นี้เป็นมหัคคตะยิ่ง.

[431] อ. ดูก่อนท่านกัจจานะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่เขตบ้านแห่งหนึ่งว่า เป็นแดนมหัคคตะอยู่ กับภิกษุ
รูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่เขตบ้านสองแห่งหรือสามแห่งว่า เป็นแดนมหัคคตะอยู่
บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้ จิตตภาวนาอย่างไหน เป็นมหัคคตะ
ยิ่งกว่ากัน .
อภิยะ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้
จิตตภาวนาของภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่เขตบ้านสองแห่งหรือสามแห่งว่า เป็น
แดนมหัคคตะอยู่ นี้เป็นมหัคคตะยิ่ง.
[432] ดูก่อนท่านกัจจานะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ภิกษุ
รูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่เขตบ้านสองแห่งหรือสามแห่งว่า เป็นแดนมหัคคตะอยู่ กับ
ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรหนึ่งว่า เป็นแดนมหัคคตะอยู่ บรรดา
จิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้ จิตตภาวนาอย่างไหน เป็นมหัคคตะยิ่ง
กว่ากัน.
อภิยะ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้
จิตตภาวนาของภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรหนึ่งว่า เป็นแดนมหัคคตะ
อยู่ นี้เป็นมหัคคตะยิ่ง.
[433] อ. ดูก่อนท่านกจัจานะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรหนึ่งว่า เป็นแดนมหัคคตะอยู่ กับภิกษุ
รูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรสองหรือสามมหาอาณาจักรว่า เป็นแดน
มหัคคตะอยู่ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้ จิตตภาวนาอย่างไหน
เป็นมหัคคตะยิ่งกว่ากัน.

อภิยะ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้
จิตตภาวนาของภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรสองหรือสามมหาอาณาจักร
ว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่ นี้เป็นมหัคคตะยิ่ง.
[434 ] อ. ดูก่อนท่านกัจจานะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน
ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรสองหรือสามมหาอาณาจักรว่า เป็นแดน
มหัคคตะอยู่ กับภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปตลอดปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตว่า เป็น
แดนมหัคคตะอยู่. บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้ จิตตภาวนาอย่าง
ไหน เป็นมหัคคตะยิ่งกว่ากัน.
อภิยะ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปนี้
จิตตภาวนาของภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไป. ตลอดปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตว่า เป็น
แดนมหัคคตะอยู่ นี้เป็นมหัคคตะยิ่ง.
อ. ดูก่อนท่านกัจจานะ นี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดา
ที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมีเล็กน้อย แต่บาง
พวกมีรัศมีหาประมาณมิได้.
[435] อภิยะ. ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธะผู้เจริญ ที่ท่านพยากรณ์นั้น
ดีละ แต่ในเรื่องนี้ มีข้อที่กระผมจะพึงสอบถามให้ยิ่งในรูป คือ พวกเทวดา
ที่มีรัศมีนั้นทั้งหมด เป็นผู้มีรัศมีเศร้าหมองหรือ หรือว่ามีบางพวกในพวกนั้น มี
รัศมีบริสุทธิ์.
อ. ดูก่อนท่านกัจจานะ โดยหลักแห่งการอุปบัตินั้นแล เทวดาใน
พวกนี้บางพวกมีรัศมีเศร้าหมอง แต่บางพวกมีรัศมีบริสุทธิ์.
อภิยะ. ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธะผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ
เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดา ที่เข้าถึงเทวดาหมู่เดียวกันแล้ว เหล่านั้น บางพวก
รัศมีเศร้าหมอง แต่บางพวกมีรัศมีบริสุทธิ์.

[436] อ. ดูก่อนท่านกัจจานะ ถ้าอย่างนั้น เราจักเปรียบอุปมาแก่
ท่าน เพราะวิญญูบุรุษบางพวกในโลกนี้ ย่อมทราบอรรถแห่งภาษิตได้ด้วยอุปมา
ก็มี ดูก่อนท่านกัจจานะ เปรียบเหมือนประทีปน้ำมันติดไฟอยู่ มีทั้งน้ำมันทั้ง
ไส้ไม่บริสุทธิ์ ประทีปน้ำมันนั้น ย่อมติดไฟอย่างริบหรี่ ๆ เพราะทั้งน้ำมันทั้งไส้
ไม่บริสุทธิ์ ฉันใด ดูก่อนท่านกัจจานะ ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุบางรูปใน
ธรรมวินัยนี้ น้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างเศร้าหมองอยู่ เธอในระงับความ
ชั่วหยาบทางกายให้ดี ไม่ถอนถิ่นมิทธะให้ดี ทั้งไม่กำจัดอุทธัจจกุกกุจจะให้ดี
เธอย่อมรุ่งเรื่องอย่างริบหรี่ ๆ เพราะมิได้ระงับ ความชั่วหยาบทางกายให้ดี มิได้
ถอนถีนมิทธะให้ดี ทั้งไม่กำจัดอุทธัจจกุกกุจจะให้ดี เธอตายไปแล้ว ย่อมเข้า
ถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกมีรัศมีเศร้าหมอง ดูก่อนกัจจานะ. เปรียบ
เหมือนประทีปน้ำมันติดไฟอยู่ มีทั้งน้ำมัน ทั้งไส้บริสุทธิ์ ประทีปน้ำมันนั้น
ย่อมติดไฟอย่างไม่ริบหรี่ เพราะทั้งน้ำมันทั้งไส้บริสุทธิ์ ฉันใด ดูก่อนท่าน
กัจจานะ ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ น้อมใจแผ่ไปสู่
อารมณ์มีแสงสว่างบริสุทธิ์อยู่ เธอระงับความชั่วหยาบทางกายได้ดี ถอนถีน
มิทธะได้ดี ทั้งกำจัดอุทธัจจกุกกุจจะได้ดี เธอย่อมรุ่งเรื่องอย่างไม่ริบหรี่ เพราะ
ระงับความชั่วหยาบทางกายได้ดี ถอนถีนมิทธะได้ดี ทั้งกำจัดอุทธัจจกุกกุจจะ
ได้ดี เธอตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกมีรัศมีบริสุทธิ์
ดูก่อนท่านกัจจานะ นี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดาที่เข้าถึงหมู่
เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมีเศร้าหมอง บางพวกมีรัศมี
บริสุทธิ์.

ว่าด้วยวาจาควรนำเข้าไป


[437] เมื่อท่านพระอนุรุทธะกล่าวแล้วอย่างนี้ ท่านพระอภิยะกัจจานะ
ได้กล่าวกะท่านพระอนุรุทธะดังนี้ว่า ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธะผู้เจริญ ที่ท่าน